เหตุผลที่คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรดื่มกาแฟ

เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข่าวลือทางโซเชียลว่าหญิงมีครรภ์สามารถดื่มกาแฟได้ 1 ถ้วยต่อวัน ทว่าความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย กาแฟไม่ได้ก่อคุณประโยชน์อะไรให้ร่างกายแม่และทารก แต่กลับก่อโทษมหันต์เสียมากกว่า วันนี้ทางเราจึงนำ 5 เหตุผลให้คุณผู้หญิงควรหยุดดื่มชาและกาแฟขณะตั้งครรภ์มาฝากกัน
1. ทำให้คุณแม่ท้องผูก
หลายคนคิดว่าอันตรายของกาแฟอยู่ที่นม น้ำตาล และครีมเทียม อันที่จริงในกาแฟดำเองก็มีสารที่เป็นอันตรายต่อแม่และเด็กอยู่ นั่นก็คือ คาเฟอีน แม้ในผู้หญิงปกติธรรมดาการดื่มกาแฟอาจช่วยให้ระบายแต่ในคุณแม่ตั้งครรภ์คาเฟอีนอาจทำให้ท้องผูกได้ ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่ควรเบ่งมากเกินไปเพราะอาจทำให้ตัวอ่อนหลุดจากผนังมดลูกและแท้งในที่สุด
2. อาจทำให้เกิดภาวะแท้งคุกคาม
จากการวิจัยในแกะพบว่าคาเฟอีน ทำให้เลือดไปเลี้ยงมดลูกน้อยลง 5-10% การที่เลือดลี้ยงมดลูกน้อย ย่อมหมายถึงลำเลียงสารอาหารมาน้อย อาจทำให้ทารกเจริญเติบโตช้า หสกเป็นในไตามาสแรกอาจมีภาวะแท้งคุกคาม
3. ทำให้คุณแม่เกิดภาวะกระดูกพรุนอย่างรุนแรง
สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ต้องการแคลเซียมในเลือด 1,000 มิลลิกรัมต่อวันเป็นอย่างน้อย เพื่อเสริมสร้างกระดูกและระบบภายในร่างกายต่างๆ ของทารกในครรภ์ ทว่าคาเฟอีนที่ดื่มเข้าไปจะขับแคลเซียมออกจากเลือดของแม่ เมื่อร่างกายของทารกได้รับแคลเซียมจากเลือดของแม่ไม่เพียงพอ ทารกจะดึงแคลเซียมจากกระดูกของแม่มาเสริมสร้างกระดูกตนเองแทน ทำให้คุณแม่ยิ่งเป็นโรคกระดูกพรุนและฟันผุได้ง่ายกว่าเดิม
4. ทำให้ทารกเป็นโรคโลหิตจางและพัฒนาการช้า
คาเฟอีนในกาแฟเมื่อเข้าไปในร่างกายแล้วจะไปขัดขวางการดูดซึมสารอาหารหลายชนิด โดยเฉพาะธาตุเหล็ก ส่งผลให้ทารกในครรภ์เกิดอาการโลหิตจาง หากโลหิตจางมากๆ อาจทำให้ม้ามโต เม็ดเลือดแดงผิดปกติ และเมื่อเด็กคลอดออกมาแล้วมีจะพัฒนาการช้ากว่าเด็กปกติได้
5. อาจทำให้ทารกเสียชีวิตและแท้ง
คาเฟอีนในกาแฟทำให้หัวใจของทารกเต้นเร็วผิดปกติจนอาจหยุดเต้นได้ ถึงขนาดที่สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (F.D.A.) ต้องออกมาประกาศในปี ค.ศ. 1980 กันเลยทีเดียวว่าหญิงมีครรภ์ควรงดชาและกาแฟ เพราะคาเฟอีนทำให้ทารกในครรภ์มีการเจริญเติบโตผิดปกติหรืออาจแท้งได้อีกด้วย
คาเฟอีนในกาแฟทำให้สุขภาพของคุณแม่และทารกน้อยย่ำแย่ลง อีกทั้งอาจเสี่ยงต่อการแท้ง ในเมื่อมันมีโทษมหันต์ขนาดนี้ คุณแม่ตั้งครรภ์พร้อมจะหันมางดกาแฟ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเองและลูกน้อยกันหรือยัง

Back to Top